Clean Code คืออะไร?
Clean Code หมายถึงโค้ดที่เขียนอย่างมีระเบียบและสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย โดยไม่เพียงแต่เขียนเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ แต่ยังต้องคำนึงถึงนักพัฒนาคนอื่น ๆ (หรือแม้แต่ตัวเองในอนาคต) ที่จะต้องมาดูหรือแก้ไขโค้ดนั้นในภายหลัง
หลักการสำคัญของ Clean Code
1.อ่านง่ายและเข้าใจง่าย
- ใช้ชื่อฟังก์ชัน, ตัวแปร และคลาสที่สื่อความหมาย
- แยกฟังก์ชันให้มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง ไม่ทำงานหลายอย่างในฟังก์ชันเดียว
2.มีโครงสร้างที่ดี
- จัดระเบียบโค้ดให้ดูเป็นระเบียบ เช่น การเว้นบรรทัดระหว่างฟังก์ชัน การย่อหน้าที่เหมาะสม
3.ไม่มีโค้ดซ้ำ (DRY: Don’t Repeat Yourself)
- หลีกเลี่ยงการเขียนโค้ดซ้ำซ้อนโดยแยกส่วนที่ซ้ำออกมาเป็นฟังก์ชันหรือโมดูล
4.ทำงานตามหลักการ Single Responsibility Principle (SRP)
- แต่ละคลาสหรือฟังก์ชันควรมีหน้าที่เพียงอย่างเดียว
5.ลดการพึ่งพากันระหว่างส่วนต่าง ๆ ของโค้ด
- ใช้แนวทาง Dependency Injection หรือ Design Patterns เพื่อลด Coupling
6.ง่ายต่อการทดสอบ
- โค้ดที่สะอาดช่วยให้สามารถเขียน Unit Tests หรือ Integration Tests ได้ง่าย
ความจำเป็นของ Clean Code
1.ลดต้นทุนในการบำรุงรักษา (Maintenance Cost)
- โค้ดที่อ่านง่ายและมีโครงสร้างที่ดี ช่วยให้การแก้ไขและปรับปรุงทำได้เร็วและง่าย ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
2.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีม
- เมื่อต้องทำงานร่วมกันในทีม โค้ดที่สะอาดช่วยให้สมาชิกในทีมเข้าใจและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
3.รองรับการขยายตัวในอนาคต (Scalability)
- แอพพลิเคชันที่มีโครงสร้างที่ดีสามารถเพิ่มฟีเจอร์หรือขยายระบบได้โดยไม่ต้องแก้ไขโครงสร้างเดิมมาก
4.ช่วยให้ Debugging ง่ายขึ้น
- โค้ดที่อ่านง่ายทำให้สามารถระบุและแก้ไขข้อผิดพลาดได้รวดเร็ว
5.ส่งเสริมคุณภาพซอฟต์แวร์โดยรวม
- โค้ดที่สะอาดมักมีโอกาสน้อยที่จะเกิดบั๊ก และสามารถรักษาประสิทธิภาพของแอพพลิเคชันในระยะยาว
สรุป
Clean Code ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวทาง แต่เป็นวัฒนธรรมที่ช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนในระยะยาว การเขียนโค้ดให้สะอาดเป็นทักษะที่สำคัญและเป็นที่ต้องการในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ครับ
เทคนิคการเขียน Code ให้ Clean
การเขียนโค้ดให้สะอาด (Clean Code) เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับนักพัฒนา เพื่อให้โค้ดอ่านง่าย แก้ไขง่าย และลดโอกาสการเกิดบั๊กได้ดีขึ้น ต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ในการเขียนโค้ดให้ Clean:
1. ตั้งชื่อตัวแปร ฟังก์ชัน และคลาสให้สื่อความหมาย
- ใช้ชื่อที่อธิบายถึงหน้าที่ของตัวแปรหรือฟังก์ชันได้ชัดเจน เช่น ใช้
totalPrice
แทน tp
- หลีกเลี่ยงชื่อย่อที่ยากต่อการเข้าใจ
- ใช้คำกริยาสำหรับชื่อฟังก์ชัน เช่น
calculateTotalPrice()
, fetchUserData()
2. เขียนฟังก์ชันให้มีขนาดเล็กและทำงานเพียงอย่างเดียว (Single Responsibility Principle - SRP)
- ฟังก์ชันที่ดีควรทำงานเพียงอย่างเดียว เช่น
calculateTax()
แทนที่จะมีฟังก์ชันขนาดใหญ่ที่คำนวณภาษีและอัปเดตข้อมูลผู้ใช้ไปพร้อมกัน - หากฟังก์ชันมีความยาวเกินไป ควรพิจารณาแยกออกเป็นฟังก์ชันย่อย ๆ
3. จัดระเบียบโค้ดด้วยการแบ่งส่วนและเว้นวรรคให้เหมาะสม
- เว้นบรรทัดระหว่างฟังก์ชันหรือส่วนที่ต่างกัน เพื่อให้มองเห็นโครงสร้างของโค้ดได้ชัดเจนขึ้น
- การย่อหน้าที่สม่ำเสมอจะช่วยให้โค้ดดูเป็นระเบียบ
4. ใช้คอมเมนต์ให้น้อยและเน้นการเขียนโค้ดที่อธิบายตัวเองได้
- คอมเมนต์ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เช่น อธิบายการทำงานที่ซับซ้อนหรือเงื่อนไขพิเศษ
- ควรเขียนโค้ดให้อ่านเข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งคอมเมนต์ เช่น การตั้งชื่อที่สื่อความหมายแทนการคอมเมนต์อธิบาย
5. ลดการใช้ Magic Numbers และใช้ Constant แทน
- หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลขหรือค่าที่ระบุในโค้ดโดยตรง ควรตั้งชื่อ Constant ที่สื่อความหมาย เช่น
# Bad
price = 100 * 0.2
# Good
TAX_RATE = 0.2
price = 100 * TAX_RATE
6. จัดกลุ่มโค้ดที่เกี่ยวข้องกันในโฟลเดอร์หรือไฟล์ที่เหมาะสม
- การจัดกลุ่มหรือแบ่งไฟล์ตามหน้าที่ เช่น แยกไฟล์สำหรับฟังก์ชัน, คลาส, คอมโพเนนต์ จะช่วยให้ค้นหาและแก้ไขได้ง่าย
- ช่วยลดความยุ่งเหยิงในไฟล์เดียว และทำให้โครงสร้างโปรเจกต์ดูเป็นระเบียบ
7. ใช้หลักการ DRY (Don’t Repeat Yourself)
- หลีกเลี่ยงการเขียนโค้ดซ้ำ ควรนำโค้ดที่ใช้บ่อยมาไว้ในฟังก์ชันหรือโมดูล
- ลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาดจากการปรับแก้โค้ดที่ซ้ำในหลายจุด
8. ใช้ Error Handling ที่ดี
- ตรวจสอบและจัดการข้อผิดพลาดในโค้ดอย่างชัดเจน เช่น ใช้
try-catch
ในการจัดการข้อผิดพลาด - ระบุข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อมีข้อผิดพลาด เพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขในภายหลัง
9. ทดสอบโค้ดด้วย Unit Test
- การทดสอบด้วย Unit Test ช่วยให้มั่นใจว่าโค้ดทำงานได้ถูกต้อง และลดโอกาสเกิดบั๊ก
- ควรเขียน Unit Test สำหรับฟังก์ชันที่สำคัญหรือที่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
10. Refactor อย่างสม่ำเสมอ
- ทำการปรับปรุงโค้ดให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาส แทนที่จะรอให้โปรเจกต์เสร็จสมบูรณ์แล้วจึงมาแก้ไข
- การรีแฟคเตอร์ช่วยปรับโค้ดให้สะอาดและอ่านง่ายขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของโค้ด
สรุป
การเขียน Clean Code เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้โค้ดที่เขียนมีความเรียบร้อย อ่านเข้าใจได้ง่าย และมีโครงสร้างที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากในการพัฒนาโปรเจกต์ระยะยาวและทำให้การทำงานร่วมกับคนอื่นในทีมง่ายขึ้น