WebView คืออะไร เหมาะกับการทำแอปพลิเคชันประเภทไหน

WebView คืออะไร เหมาะกับการทำแอปพลิเคชันประเภทไหน

WebView คืออะไร เหมาะกับการทำแอปพลิเคชันประเภทไหน

WebView คือคอมโพเนนต์ในแอปพลิเคชันที่ใช้เพื่อแสดงผลเนื้อหาเว็บ (HTML, CSS, JavaScript) ภายในแอปพลิเคชันบนมือถือหรือเดสก์ท็อป โดยทำหน้าที่เป็นเหมือนเบราว์เซอร์ที่ฝังอยู่ในแอป ซึ่งช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถแสดงผลเว็บไซต์หรือเว็บแอปได้โดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์ภายนอก

ลักษณะการทำงานของ WebView

  • แสดงเนื้อหาเว็บ: แอปพลิเคชันสามารถแสดงหน้าเว็บแบบเต็มหน้าได้ โดยใช้การออกแบบและโค้ด HTML เดียวกันกับที่ใช้บนเว็บไซต์ปกติ
  • เชื่อมโยงกับแอป: WebView สามารถถูกควบคุมหรือกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้จากโค้ดในแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์ภายนอก
  • ประสบการณ์ใช้งานแบบไฮบริด: แอปสามารถรวมการแสดงผลแบบ native (เขียนด้วยโค้ดภาษาของแพลตฟอร์มนั้นๆ เช่น Swift สำหรับ iOS หรือ Kotlin สำหรับ Android) และการแสดงผลเนื้อหาเว็บผ่าน WebView

การใช้งาน WebView เหมาะสมกับแอปประเภทไหน?

WebView เหมาะกับแอปพลิเคชันที่มีการแสดงผลหรือการทำงานที่ขึ้นอยู่กับเว็บ หรือที่ต้องการลดเวลาการพัฒนาโดยใช้เว็บแอปที่มีอยู่แล้ว

ประเภทแอปพลิเคชันที่เหมาะสมกับ WebView:

1.แอปพลิเคชันที่อิงกับเว็บแอป (Hybrid Apps)

  • แอปที่ส่วนหลักของฟังก์ชันมาจากเว็บ แต่ต้องการให้ผู้ใช้มีประสบการณ์เหมือนแอป native บนอุปกรณ์
  • แอปที่ใช้ WebView สามารถดึงเนื้อหาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ และใช้ API ของแพลตฟอร์มมือถือในการทำงาน เช่น การแจ้งเตือน หรือการเข้าถึงข้อมูลอุปกรณ์

2.แอปการอ่านหรือแสดงเนื้อหา (Content Display Apps)

  • แอปที่เน้นการแสดงเนื้อหาที่สร้างขึ้นแบบ dynamic จากเซิร์ฟเวอร์ เช่น บล็อก, บทความ, หรือเว็บข่าวสาร
  • เหมาะสำหรับเว็บข่าว เว็บบล็อก หรือแอปประเภทการอ่านที่มีการอัปเดตข้อมูลบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องอัปเดตแอปผ่าน App Store หรือ Play Store

3.แอปอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Apps)

  • แอปที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เช่น ร้านค้าออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้ง หากระบบหลังบ้านของร้านค้าถูกพัฒนาเป็นเว็บอยู่แล้ว สามารถใช้ WebView เพื่อแสดงเว็บไซต์ภายในแอปได้
  • ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนาแอปใหม่

4.แอปการจองหรือสมัครบริการ (Booking or Service Apps)

  • แอปประเภทจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน หรือบริการต่างๆ ที่ข้อมูลและการทำธุรกรรมทั้งหมดถูกจัดการผ่านเว็บไซต์ การใช้ WebView ช่วยให้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ผ่านแอปโดยไม่ต้องสร้าง native app ทั้งหมดใหม่

5.แอปที่ต้องการความยืดหยุ่นในการอัปเดตเนื้อหา

  • หากแอปมีความจำเป็นต้องอัปเดตเนื้อหาบ่อยๆ โดยไม่ต้องการส่งแอปเวอร์ชันใหม่เพื่อรีวิวใน App Store หรือ Play Store การใช้ WebView ทำให้สามารถแก้ไขหรืออัปเดตข้อมูลได้ผ่านเว็บเซิร์ฟเวอร์ทันที

ข้อดีของการใช้ WebView:

  1. ลดเวลาการพัฒนา: สามารถใช้โค้ดเว็บที่มีอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องทำแอพฯใหม่จากศูนย์
  2. การอัปเดตง่าย: การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบนเซิร์ฟเวอร์จะสะท้อนในแอปทันที โดยไม่ต้องรอการอัปเดตแอปจาก App Store หรือ Play Store
  3. การพัฒนาข้ามแพลตฟอร์ม: สามารถพัฒนาเว็บแอปที่เดียวและใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS โดยไม่ต้องเขียนโค้ด native ใหม่สำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม

ข้อเสียของการใช้ WebView:

  1. ประสิทธิภาพต่ำกว่า native: แอปที่ใช้ WebView มักจะมีประสิทธิภาพที่ช้ากว่าแอป native โดยเฉพาะเรื่องของความลื่นไหล และการใช้งานกราฟิก
  2. ข้อจำกัดของ API: WebView ไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ native ของระบบปฏิบัติการได้เท่ากับแอป native โดยต้องใช้การเชื่อมต่อผ่าน JavaScript bridge ซึ่งอาจทำให้ซับซ้อนและมีข้อจำกัด
  3. ประสบการณ์ใช้งานที่ไม่เนียนเหมือน native: การแสดงผลหรือการโต้ตอบใน WebView อาจไม่เหมือนการใช้งานแอป native ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าแอปไม่ตอบสนองเท่าที่ควร

สรุป

WebView เหมาะกับแอปพลิเคชันที่มีการแสดงเนื้อหาเว็บอยู่แล้ว หรือเป็นแอปที่ต้องการลดเวลาการพัฒนาและบำรุงรักษา หากแอปต้องการการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงหรือเข้าถึงฟีเจอร์ของอุปกรณ์อย่างละเอียด ควรพิจารณาการพัฒนาแอปแบบ native หรือ hybrid ที่ผสมผสานระหว่าง WebView และโค้ด native เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น