Kotlin Multiplatform (KMP) คือฟีเจอร์ของภาษาโปรแกรม Kotlin ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดที่สามารถรันได้บนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Android, iOS, Web, และ Desktop โดยไม่ต้องเขียนโค้ดซ้ำสำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการดูแลโค้ดเบสที่หลากหลาย
หลักการทำงานของ Kotlin Multiplatform:
1.Common Code (Shared Code):
- ส่วนของโค้ดที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น Logic ธุรกิจ การจัดการข้อมูล การเรียก API ฯลฯ
- โค้ดนี้จะเขียนในรูปแบบ common module และสามารถนำไปใช้ได้บนทุกแพลตฟอร์ม
2.Platform-Specific Code:
- สำหรับโค้ดที่ต้องการการทำงานเฉพาะเจาะจงในแต่ละแพลตฟอร์ม (เช่น การเข้าถึงฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ เช่นกล้องหรือ GPS)
- Kotlin Multiplatform ช่วยให้นักพัฒนาสามารถแยกเขียนโค้ดสำหรับแพลตฟอร์มเฉพาะและเชื่อมต่อกับ shared code ได้อย่างง่ายดาย
จุดเด่นของ Kotlin Multiplatform:
- ลดการเขียนโค้ดซ้ำ: สามารถเขียน logic หลักเพียงครั้งเดียว แล้วใช้ซ้ำได้ในหลายแพลตฟอร์ม
- ยืดหยุ่น: ไม่บังคับให้ใช้กับทุกส่วนของแอปพลิเคชัน คุณสามารถเลือกใช้เฉพาะในบางส่วน เช่น การแชร์ logic ของ business หรือ network layer
- ประหยัดเวลา: ลดเวลาการพัฒนาและการบำรุงรักษา
การใช้งาน Kotlin Multiplatform:
- Mobile Development: ใช้โค้ดร่วมกันระหว่าง Android และ iOS
- Web Development: เขียน backend logic ด้วย Kotlin แล้วแชร์ให้กับ frontend
- Desktop Applications: ใช้ร่วมกับ JVM-based หรือ Native platform
ตัวอย่างโปรเจกต์ที่นิยมใช้ Kotlin Multiplatform:
- แอปที่มี business logic ร่วมกันแต่มี UI ต่างกัน
- ระบบ backend และ client ที่ใช้โค้ดร่วมกันสำหรับการประมวลผลข้อมูล
Kotlin Multiplatform Mobile (KMM) เป็นส่วนหนึ่งของ Kotlin Multiplatform ที่เน้นพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์ม Mobile โดยเฉพาะ ซึ่งได้แก่ Android และ iOS โดย KMM ช่วยให้นักพัฒนาสามารถแชร์โค้ดที่เป็น Business Logic หรือ Core Features ระหว่างแพลตฟอร์มทั้งสองได้ ในขณะที่ยังสามารถเขียนโค้ด UI และฟังก์ชันเฉพาะแพลตฟอร์มแยกกันได้
จุดเด่นของ KMM
1.แชร์โค้ดระหว่าง Android และ iOS:
- โค้ดที่ใช้ซ้ำได้ เช่น Logic ของการจัดการข้อมูล การเรียก API หรือการจัดการฐานข้อมูล สามารถเขียนเพียงครั้งเดียวแล้วใช้ทั้งใน Android และ iOS
2.แยกการพัฒนา UI ตามแพลตฟอร์ม:
- UI จะพัฒนาตามแนวทางเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น ใช้ Jetpack Compose สำหรับ Android และ SwiftUI หรือ UIKit สำหรับ iOS เพื่อให้ได้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุดบนแต่ละแพลตฟอร์ม
3.รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องมือและภาษาอื่น:
- KMM สามารถทำงานร่วมกับโค้ดที่เขียนด้วย Java, Kotlin (สำหรับ Android) และ Swift, Objective-C (สำหรับ iOS) ได้อย่างราบรื่น
4.ประหยัดเวลาและทรัพยากร:
- ลดเวลาการพัฒนาและการบำรุงรักษา เพราะไม่ต้องเขียนโค้ดซ้ำในหลายแพลตฟอร์ม
โครงสร้างโปรเจกต์ KMM
- Shared Module:
- เก็บโค้ดที่สามารถใช้ร่วมกัน เช่น การเรียก API, การจัดการฐานข้อมูล, การประมวลผลข้อมูล
- Android App:
- ใช้โค้ดจาก shared module และเขียน UI ด้วย Jetpack Compose หรือ Android Views
- iOS App:
- ใช้โค้ดจาก shared module และเขียน UI ด้วย SwiftUI หรือ UIKit
การใช้งาน KMM
1.เริ่มต้นด้วย IntelliJ IDEA หรือ Android Studio:
- JetBrains ได้พัฒนา plugin สำหรับ KMM ที่ทำให้การตั้งค่าและพัฒนาโปรเจกต์ง่ายขึ้น
2.เพิ่ม shared module:
- สร้างโมดูลสำหรับโค้ดที่แชร์ระหว่าง Android และ iOS
3.เขียนและทดสอบโค้ด:
- เขียนโค้ด logic ที่ต้องการแชร์ และทดสอบทั้งใน Android และ iOS
กรณีการใช้งานจริง
- แอปที่มี Logic ซับซ้อน เช่น การจัดการธุรกรรม การคำนวณ หรือการประมวลผลข้อมูล
- แอปที่ต้องการแชร์ Model หรือ API layer ระหว่าง Android และ iOS
KMM เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจหรือทีมนักพัฒนาที่ต้องการพัฒนาแอปมือถือทั้งสองแพลตฟอร์มพร้อมกัน แต่ยังคงเน้นคุณภาพและประสิทธิภาพของแต่ละแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ