แอปพลิเคชันสำเร็จรูปและแอปพลิเคชันแบบจ้างทำ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร
แอปพลิเคชันสำเร็จรูป (Off-the-shelf Application) และแอปพลิเคชันแบบจ้างทำ (Custom-built Application) มีข้อแตกต่างกันในด้านความยืดหยุ่น การใช้งาน และค่าใช้จ่าย โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. ความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง
- แอปพลิเคชันสำเร็จรูป: มักถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการทั่วไปของธุรกิจประเภทเดียวกัน เช่น โปรแกรมจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) หรือระบบบัญชีสำเร็จรูป การปรับแต่งมักถูกจำกัด ทำให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการการทำงานพื้นฐานโดยไม่ต้องการฟังก์ชันเฉพาะที่มากนัก
- แอปพลิเคชันแบบจ้างทำ: สามารถออกแบบและพัฒนาให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจ เช่น ฟีเจอร์เฉพาะที่จะช่วยสนับสนุนกระบวนการทำงานที่แตกต่างกันไป ทำให้ธุรกิจสามารถควบคุมฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ แต่กระบวนการพัฒนาและปรับแต่งอาจใช้เวลานานกว่า
2. ต้นทุนการพัฒนา
- แอปพลิเคชันสำเร็จรูป: มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเพราะสามารถใช้งานได้ทันทีและไม่ต้องใช้เวลานานในการพัฒนา โดยมักมีการคิดค่าใช้จ่ายเป็นการสมัครสมาชิกหรือการจ่ายรายปีที่ค่อนข้างคงที่ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเริ่มใช้งานระบบโดยด่วนและมีงบประมาณจำกัด
- แอปพลิเคชันแบบจ้างทำ: มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเนื่องจากต้องมีทีมพัฒนาสร้างฟีเจอร์และระบบใหม่จากศูนย์ รวมถึงอาจมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเพิ่มเติมในอนาคต อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่สูงนี้จะมาพร้อมกับแอปที่ตรงตามความต้องการของธุรกิจอย่างแท้จริง
3. ระยะเวลาในการใช้งาน
- แอปพลิเคชันสำเร็จรูป: พร้อมใช้งานทันทีที่ติดตั้ง จึงใช้เวลาในการเริ่มต้นน้อย สามารถเปิดใช้งานได้ทันทีหลังจากการตั้งค่าเบื้องต้น
- แอปพลิเคชันแบบจ้างทำ: อาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการพัฒนาและทดสอบก่อนเปิดใช้งาน โดยเฉพาะหากต้องการฟังก์ชันที่ซับซ้อน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการพัฒนา ทดสอบ และปรับปรุงเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์
4. การบำรุงรักษาและการสนับสนุน
- แอปพลิเคชันสำเร็จรูป: มักจะมาพร้อมกับการสนับสนุนและการอัปเดตจากผู้ให้บริการเป็นประจำ เช่น การแก้ไขข้อบกพร่องและอัปเกรดฟีเจอร์ใหม่โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
- แอปพลิเคชันแบบจ้างทำ: การสนับสนุนและการบำรุงรักษาขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างธุรกิจกับบริษัทพัฒนาแอป โดยธุรกิจอาจต้องจ้างทีมพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงหรืออัปเกรดระบบให้ทันสมัยหรือตรงตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
5. ความสามารถในการขยายและความเสี่ยง
- แอปพลิเคชันสำเร็จรูป: มีข้อจำกัดในการขยายการทำงาน เนื่องจากถูกออกแบบมาให้รองรับงานพื้นฐานทั่วไป เมื่อธุรกิจเติบโต อาจต้องย้ายไปใช้ระบบที่มีความสามารถสูงกว่า
- แอปพลิเคชันแบบจ้างทำ: มีความสามารถในการขยายและปรับปรุงได้ตามการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ลดความเสี่ยงที่จะต้องเปลี่ยนแอปใหม่เมื่อธุรกิจขยายตัว
ตัวอย่างการเลือกใช้
- ธุรกิจขนาดเล็กหรือที่ต้องการประหยัดต้นทุน อาจเลือกใช้แอปพลิเคชันสำเร็จรูปเนื่องจากพร้อมใช้งานและราคาย่อมเยา
- ธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น การผลิตหรือการค้าปลีกที่มีระบบบริหารจัดการสินค้าขนาดใหญ่ อาจเลือกพัฒนาแอปพลิเคชันแบบจ้างทำเพื่อให้ได้ระบบที่ปรับแต่งได้และรองรับความซับซ้อนที่ธุรกิจต้องการ