GitLab และ GitHub มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

GitLab และ GitHub มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

GitLab และ GitHub มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

GitLab และ GitHub เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการจัดการโค้ดและโครงการซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบควบคุมเวอร์ชัน (Version Control) ผ่าน Git แต่มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ดังนี้:

1. ฟังก์ชันการทำงานหลัก

  • GitHub: โดดเด่นในเรื่องการแบ่งปันโค้ดและการทำงานร่วมกันในโปรเจกต์โอเพนซอร์ส (Open Source) เป็นที่นิยมสำหรับนักพัฒนาในการแชร์และร่วมพัฒนาโค้ดกันในที่สาธารณะ GitHub เน้นการใช้งานง่ายและมีเครื่องมือพื้นฐานที่ครอบคลุมการจัดการโค้ด เช่น Pull Requests, Issues, และ Actions (CI/CD บน GitHub)
  • GitLab: นอกจากฟังก์ชันพื้นฐานของการจัดการโค้ดแล้ว ยังมีเครื่องมือ DevOps เต็มรูปแบบในตัวเอง เช่น Continuous Integration (CI), Continuous Deployment (CD), และการบริหารจัดการโครงการ (Project Management) ทั้งหมดในที่เดียว ทำให้ GitLab เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับองค์กรที่ต้องการแพลตฟอร์มการพัฒนาซอฟต์แวร์ครบวงจร

2. การโฮสต์ (Hosting)

  • GitHub: เป็นแพลตฟอร์มแบบ SaaS (Software as a Service) ที่ GitHub, Inc. ให้บริการเป็นส่วนใหญ่ ผู้ใช้สามารถโฮสต์โปรเจกต์บนเซิร์ฟเวอร์ของ GitHub เอง หรือเลือกใช้ GitHub Enterprise สำหรับการติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร
  • GitLab: รองรับการโฮสต์สองรูปแบบ คือ GitLab.com (บริการโฮสต์บนคลาวด์โดย GitLab) และ Self-Managed GitLab (ติดตั้ง GitLab บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง) ซึ่ง Self-Managed GitLab นั้นเป็นที่นิยมสำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง

3. การจัดการโครงการ (Project Management)

  • GitHub: มีเครื่องมือ Project Board สำหรับการติดตามปัญหา (Issue Tracking) แต่การจัดการโครงการใน GitHub นั้นยังคงเน้นไปที่การบริหารจัดการโค้ดเป็นหลัก ฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับ DevOps เช่น CI/CD ต้องพึ่งพา GitHub Actions หรือการผสานรวมเครื่องมืออื่นๆ
  • GitLab: มีเครื่องมือสำหรับการจัดการโครงการอย่างครบถ้วน เช่น Issue Boards, Milestones, และ Roadmaps โดยเน้นการผสานรวมเข้ากับเครื่องมือ DevOps ภายในแพลตฟอร์มเอง เช่น การตรวจสอบคุณภาพโค้ดอัตโนมัติและการวางแผนการพัฒนา

4. Continuous Integration/Continuous Deployment (CI/CD)

  • GitHub: ใช้ GitHub Actions เป็นเครื่องมือสำหรับตั้งค่า CI/CD ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถทำงานอัตโนมัติต่างๆ เช่น การรันเทสหรือการดีพลอยโค้ด แต่ยังมีความซับซ้อนน้อยกว่า GitLab ในแง่ของฟังก์ชัน DevOps ที่ครอบคลุม
  • GitLab: มีฟังก์ชัน CI/CD ที่สมบูรณ์ในตัวเอง ตั้งแต่การเขียนเทมเพลต pipeline จนถึงการทดสอบและดีพลอยโค้ดแบบครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นหลักของ GitLab ที่ทำให้ถูกเลือกใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่

5. ราคา (Pricing)

  • GitHub: เสนอแผนฟรีสำหรับโปรเจกต์สาธารณะและส่วนตัว และมีแผนแบบชำระเงินสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง (เช่น การรักษาความปลอดภัยและการจัดการผู้ใช้ขั้นสูง) สำหรับองค์กรมี GitHub Enterprise เป็นตัวเลือก
  • GitLab: มีแผนฟรีเช่นกัน แต่ GitLab โดดเด่นด้วยแผนการใช้งานแบบ Self-Managed ที่ให้คุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งแผน Enterprise ของ GitLab จะรวมถึงฟีเจอร์ระดับองค์กร เช่น ความปลอดภัยระดับสูงและการจัดการทีม

6. โอเพนซอร์ส

  • GitHub: แพลตฟอร์มหลักเป็นโปรแกรมแบบปิด แต่รองรับโครงการโอเพนซอร์สได้ดี และเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดสำหรับโครงการโอเพนซอร์ส
  • GitLab: มีโค้ดต้นฉบับที่เปิดเป็นโอเพนซอร์ส ซึ่งนักพัฒนาสามารถติดตั้งและแก้ไขได้เอง (สำหรับรุ่น Community Edition)

สรุป:

  • GitHub: เหมาะกับการแชร์โค้ดและทำงานร่วมกันในโปรเจกต์โอเพนซอร์ส และเน้นการใช้งานง่ายสำหรับการจัดการโค้ด
  • GitLab: เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการแพลตฟอร์ม DevOps เต็มรูปแบบ ตั้งแต่การพัฒนาโค้ด การทดสอบ ไปจนถึงการดีพลอย

ทั้งสองแพลตฟอร์มมีจุดแข็งและฟีเจอร์ที่เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการของทีมพัฒนาและการจัดการโปรเจกต์