แพลตฟอร์มที่นิยมใช้ในประเทศไทยมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งานและกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหลายกลุ่มมีดังนี้:
1.โซเชียลมีเดีย (Social Media):
- Facebook: ยังเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร การตลาด และอีคอมเมิร์ซ
- LINE: นิยมใช้ในการสื่อสารส่วนตัวและธุรกิจ ทั้งการส่งข้อความและใช้ในการทำการตลาดผ่าน LINE Official Account
- Instagram: แพลตฟอร์มที่นิยมใช้สำหรับการแชร์ภาพและวิดีโอ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และธุรกิจที่เน้นการตลาดด้วยภาพ
- TikTok: แพลตฟอร์มสำหรับวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและธุรกิจที่ต้องการทำการตลาดแบบไวรัล
2.แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Platforms):
- Shopee: หนึ่งในแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทั้งผู้ขายรายเล็กและแบรนด์ใหญ่
- Lazada: เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่และนิยมมากเช่นกัน
- JD Central: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เน้นสินค้าจากประเทศจีนและสินค้าแบรนด์แท้
- Kaidee: แพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินค้ามือสองที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย
3.แพลตฟอร์มสำหรับการเงินและธุรกรรม (Financial Platforms):
- PromptPay: ระบบการชำระเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการโอนเงินระหว่างธนาคาร
- TrueMoney Wallet: กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้ในการชำระเงินออนไลน์และเติมเงินมือถือ
- AirPay: กระเป๋าเงินดิจิทัลอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มีการใช้งานกว้างขวาง
4.แพลตฟอร์มการศึกษา (Education Platforms):
- Google Classroom: นิยมใช้ในสถานศึกษาและการเรียนการสอนออนไลน์
- Zoom: ใช้ในการประชุมออนไลน์และการสอนออนไลน์
- Moodle: แพลตฟอร์มการจัดการการเรียนรู้ที่ใช้งานในสถานศึกษาไทยหลายแห่ง
5.แพลตฟอร์มการจัดการธุรกิจและขายหน้าร้าน (POS Systems):
- ThaiPOS: ระบบ POS ที่นิยมในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและร้านค้าปลีกในประเทศไทย
- Wongnai POS: ระบบจัดการร้านอาหารที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหาร Wongnai
ทั้งหมดนี้เป็นแพลตฟอร์มที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับประเภทของการใช้งานและธุรกิจ